ahr0chm6ly9zlmlzyw5vb2suy29tl2hllzavdwqvns8yntmxms9ozwfydc1hdhrhy2suanbn

การป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดแต่แรกเริ่มเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้ห่างไกลจากโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยโรคประจำตัว พฤติกรรมการใช้ชีวิต อาหารการกิน สภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมตลอดจน ความเครียด เหล่านี้ เป็นปัจจัยที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค หรือกระตุ้นให้เกิดโรคทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรังได้

สาเหตุของโรคหัวใจ

นพ. เกรียงไกร เฮงรัศมี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease: CAD) เป็นโรคที่เกิดจากหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจเกิดการตีบหรือตัน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากไขมันที่สะสมอยู่ในผนังของหลอดเลือด ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือดนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดแข็ง (Atherosclerosis)ในรายที่เป็นเรื้อรังหรือเกิดการร่อนหลุดของตะกรันไขมันที่เกิดใหม่มาอุดหลอดเลือด (Atherothrombosis)ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันและเสียชีวิตได้

โรคหัวใจ ครองแชมป์การเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ของโลก

สถานการณ์โรคหัวใจและหลอดเลือดยังเป็นปัญหาสำคัญในทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยที่ยังคงมีความเสี่ยง และครองแชมป์การเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ของโลก หนึ่งในโรคหัวใจและหลอดเลือดที่พบได้มากที่สุดในปัจจุบันคือ โรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease) จากข้อมูลเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกพบว่าผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจอยู่ที่ประมาณ 130 ล้านคน โดยพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ข้อมูลโดยเฉลี่ยพบว่าผู้ชายเป็นโรคหัวใจอยู่ที่ประมาณ 70 ล้านคน และผู้หญิงอยู่ที่ประมาณ 60 ล้านคน อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 150-300 ต่อแสนประชากร ในปี พ.ศ. 2561 พบว่าผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจที่อายุ 15 ปีขึ้นไป มีจำนวน 1,396.40 คนต่อแสนประชากร นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่าคนไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอยู่ที่ปีละประมาณ 300,000-350,000 แสนรายต่อปี เฉลี่ยนาทีละ 2 คน และนับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ1 ของประเทศไทยในปัจจุบัน

ปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจ

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องและพฤติกรรมเสี่ยงสำคัญที่ส่งผลให้หลอดเลือดหัวใจเกิดความผิดปกติ มาจาก 2 ปัจจัย ได้แก่

  1. ปัจจัยเสี่ยงที่แก้ไขไม่ได้ ได้แก่ พันธุกรรม มีประวัติครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ หรือญาติสายตรง มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดตั้งแต่อายุยังน้อยหรือเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจก่อนอายุ 50 ปี อายุที่เพิ่มมากขึ้น ผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน มีโอกาสเกิดหลอดเลือดแดงแข็งได้มากขึ้น เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิงจะมีส่วนในการช่วยขยายเส้นเลือด หากหมดประจำเดือนหรือหมดฮอร์โมนเพศหญิงก็มีโอกาสทำให้เกิดความเสี่ยงได้
  2. ปัจจัยที่แก้ไขได้และ/หรือควบคุมได้ ได้แก่ โรคเบาหวาน การสูบบุหรี่ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยย่อยที่มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน ได้แก่ ความเครียด การรับประทานอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ ไม่ออกกำลังกาย โรคอ้วน ไม่รับประทานผักและผลไม้ ซึ่งจะเห็นว่าความเสี่ยงเกิดจากปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ดังนั้น การดูแลตัวเอง การควบคุม รวมถึงการป้องกันต้องดูให้ครอบคลุมทุกด้านทั้งหมด

ลดความเสี่ยงโรคหัวใจด้วยการ หยุด คุม เพิ่ม

  1. หยุดการสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่ไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย สารพิษในควันบุหรี่ ทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบลง อาจส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือหัวใจขาดเลือดได้

หยุดความเครียด เพราะความเครียดจะเข้าไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ

  1. คุมน้ำหนัก โรคอ้วนยังคงเป็นปัญหาสุขภาพของคนไทย ยิ่งไปกว่านั้นคือส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ตามมา

คุมเบาหวานและไขมันในเลือด คนที่เป็นโรคเบาหวาน หากระดับน้ำตาลในเลือดสูง ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดช้า ทำให้น้ำตาลและไขมันไปเกาะกับผนังหลอดเลือด เกิดการอักเสบได้

คุมความดัน เพราะความดันโลหิตสูงเป็นหนึ่งในกลุ่มของโรคที่ทำให้เกิดผลแทรกซ้อนของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้

เพิ่ม อาหารที่ดีต่อสุขภาพ ผักและผลไม้ การออกกำลังกายที่เหมาะสมสัปดาห์ละ 150 นาที

หากพบปัจจัยเสี่ยงหรือมีอายุ 40 ปีขึ้นไปควรตรวจเช็กสุขภาพหัวใจเป็นประจำทุกปี เพื่อดูแลหัวใจให้แข็งแรง